ครีมกันแดดมีกี่แบบ ? : รู้จักครีมกันแดด 3 ประเภท และกลไกป้องกันผิวจากรังสี UV
1. ครีมกันแดดแบบ Chemical Sunscreen
ครีมกันแดดประเภท Chemical Sunscreen มีคุณสมบัติป้องกันรังสี UV โดยการดูดซับรังสี แล้วคายออกมาในรูปแบบของความร้อน ไม่ใช่การสะท้อนแสงกลับออกไป สารกลุ่มนี้จะเคลือบอยู่บนผิวหนังและดูดกลืนรังสี UV ทำให้รังสี UV ไม่สามารถทะลุผ่านเข้ามาทำอันตรายต่อผิวหนังได้ ข้อดีคือทาง่าย ไม่ทิ้งคราบขาว แต่ต้องทาก่อนออกแดด 15-20 นาที เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด อย่างไรก็ตาม กันแดดประเภทนี้อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เนื่องจากสารบางส่วนสามารถซึมผ่านชั้นผิวหนังได้
2. ครีมกันแดดแบบ Physical Sunscreen
Physical Sunscreen ที่รู้จักในชื่อ Mineral sunscreen หรือ Inorganic Sunscreen เป็นครีมกันแดดที่ไม่มีส่วนผสมของสารคาร์บอน ทำงานโดยการสะท้อนรังสี UV ออกจากผิว สารในกลุ่มนี้จะเคลือบอยู่บนผิวหนังและทำหน้าที่เสมือนเป็นกระจกสะท้อนให้กับผิว โดยทั่วไปครีมกันแดดชนิดนี้มักมีเนื้อครีมที่หนากว่าและอาจทายากกว่าแบบ Chemical เล็กน้อย แม้บางครั้งอาจทิ้งคราบขาวบนผิว แต่ Physical Sunscreen ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
3. ครีมกันแดดแบบ Hybrid Sunscreen
ในปัจจุบันครีมกันแดดไฮบริดเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะทำหน้าที่ได้ทั้ง 2 กลไก คือปกป้องผิวจากแสงแดดโดยไม่ทำให้เกิดการอุดตัน เนื้อบางเบา ทาง่าย ผิวแพ้ง่ายใช้ได้ รวมถึงใช้ในปริมาณที่น้อย และปกป้องผิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ข้อสังเกตครีมกันแดดแต่ละประเภท
การสังเกตประเภทของครีมกันแดดสามารถทำได้โดยการสังเกตลักษณะและส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ ดังนี้
- Chemical Sunscreen มักมีเนื้อครีมบางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่ทิ้งคราบขาว ส่วนผสมมักมีสารเช่น Avobenzone, Octinoxate, หรือ Oxybenzone
- Physical Sunscreen เนื้อครีมอาจหนากว่าแบบ Chemical Sunscreen และอาจทิ้งคราบขาวบนผิว มักมีส่วนผสมหลักคือ Zinc Oxide หรือ Titanium Dioxide
- Hybrid Sunscreen จะมีลักษณะผสมผสานกัน โดยอาจมีเนื้อครีมที่ซึมซาบเร็วแต่ให้ความรู้สึกเหมือนมีฟิล์มบาง ๆ ปกป้องผิว ส่วนผสมจะมีทั้งสารกันแดดแบบ Chemical และ Physical
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถตรวจสอบฉลากบนผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม เพราะมักจะระบุประเภทของครีมกันแดดหรือส่วนผสมสำคัญเอาไว้อย่างชัดเจน
ครีมกันแดด ไม่ได้มีแค่แบบครีมเท่านั้น
ผลิตภัณฑ์กันแดดในท้องตลาด มีหลายรูปแบบ แต่ละแบบก็จะเหมาะกับลักษณะผิวที่ต่างกันไป โดยสามารถแบ่งตามลักษณะของเนื้อกันแดดได้ดังนี้
ครีมกันแดดแบบเนื้อเจล
กันแดดเนื้อเจลจะมีลักษณะเนื้อครีมที่ค่อนข้างบางเบา ไม่มีทำให้ผิวเหนียวเหนอะหนะ ไม่ทำให้หน้ามัน และไม่อุดตันรูขุมขน ให้ความรู้สึกชุ่มชื้นเวลาทาแต่ไม่ทำให้รู้สึกหนักหน้า จึงเหมาะกับคนที่มีสภาพผิวมัน เป็นสิวง่าย เพราะนอกจากจะไม่ช่วยให้หน้ามันเยิ้มขึ้นแล้ว ยังช่วยลดการอุดตัน ลดการเกิดสิวไปในตัวด้วย
ครีมกันแดดแบบเนื้อครีม
ครีมกันแดดแบบสเปรย์มีเนื้อกันแดดที่บางเบา ใช้งานง่ายโดยการฉีดพ่นลงบนผิวโดยตรง ไม่จำเป็นต้องเกลี่ยให้ทั่ว ประหยัดเวลาและสะดวกสำหรับการพกพา มีทั้งสเปรย์กันแดดสำหรับผิวหน้าและผิวกาย แต่ควรระวังไม่ให้เข้าตาหรือสูดดมโดยตรง ที่สำคัญ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาสำหรับใช้กับผิวหน้าเพื่อลดโอกาสการเกิดการแพ้หรือเป็นสิว
ครีมกันแดดเนื้อน้ำนม
ครีมกันแดดเนื้อน้ำนมมีลักษณะค่อนข้างเหลว เมื่อเทออกมาจะมีลักษณะคล้ายน้ำนมสีขาว เหมาะสำหรับทั้งผิวมันและผิวแห้ง เพราะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวโดยไม่ทำให้ผิวมันเยิ้ม ซึมซาบเร็ว และไม่ทิ้งคราบขาวบนผิว ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานประจำวัน
ครีมกันแดดแบบสเปรย์
ครีมกันแดดแบบสเปรย์มีเนื้อกันแดดที่บางเบา ใช้งานง่ายโดยการฉีดพ่นลงบนผิวโดยตรง ไม่จำเป็นต้องเกลี่ยให้ทั่ว ประหยัดเวลาและสะดวกสำหรับการพกพา มีทั้งสเปรย์กันแดดสำหรับผิวหน้าและผิวกาย แต่ควรระวังไม่ให้เข้าตาหรือสูดดมโดยตรง ที่สำคัญ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาสำหรับใช้กับผิวหน้าเพื่อลดโอกาสการเกิดการแพ้หรือเป็นสิว
ครีมกันแดดแบบแท่ง
ครีมกันแดดแบบแท่งมีลักษณะคล้ายโรลออน สามารถปาดหรือทาลงบนผิวได้โดยตรง สะดวกต่อการพกพาและเติมระหว่างวัน ส่วนใหญ่ออกแบบมาให้สามารถทาทับลงบนเมคอัพได้ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการปกป้องผิวตลอดวันโดยไม่ต้องล้างหน้าใหม่ เมื่อทาแล้วควรเกลี่ยให้ทั่วใบหน้าเพื่อการปกป้องที่สม่ำเสมอ
วิธีเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิว และกิจกรรมในแต่ละวัน
หากถามว่า ควรมีวิธีเลือกครีมกันแดดแบบไหนดี คำตอบที่เหมาะที่สุดคือการดูที่ความแตกต่างกันของสภาพผิวและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานในทุกกิจกรรม
- สำหรับผิวมันและเป็นสิวง่าย
ผู้มีผิวมันและเป็นสิวง่ายควรเลือกครีมกันแดดเนื้อเจลหรือน้ำนมที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) เพื่อลดโอกาสการเกิดสิว
- สำหรับผิวแห้งและแพ้ง่าย
ผู้ที่มีผิวแห้ง และแพ้ง่าย เราขอแนะนำให้เลือกครีมกันแดดประเภท Physical Sunscreen ที่มีส่วนผสมของสารบำรุง เช่น วิตามินอีหรือเซราไมด์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และอาจเลือกครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิกแอซิดเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและลดการระคายเคือง
- สำหรับผิวผสม
สำหรับผู้ที่มีผิวผสม หรือผิวมันบางส่วนและแห้งบางส่วน ควรเลือกครีมกันแดดแบบ Hybrid ที่ให้ทั้งการปกป้องและการบำรุงที่มีประสิทธิภาพ ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยควบคุมความมันในบริเวณที่มันง่ายและเพิ่มความชุ่มชื้นในส่วนที่แห้งได้
- สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬากลางแจ้ง
การออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง จะมีเหงื่อออกมาก และต้องสัมผัสกับรังสียูวีปริมาณมาก จึงควรเลือกครีมกันแดดสูตรกันน้ำและทนเหงื่อ (water-resistant) ที่มีค่า SPF 50+ และ PA++++ เพื่อการปกป้องสูงสุด และควรทาซ้ำทุก 80 นาทีหรือหลังเช็ดเหงื่อทุกครั้ง
- สำหรับผู้ที่แต่งหน้า
หากต้องแต่งหน้าหลังทากันแดด ควรเลือกครีมกันแดดที่เข้ากันได้ดีกับเมคอัพ เช่น เนื้อบางเบาหรือแบบน้ำนม โดยอาจเลือกครีมกันแดดที่มีเนื้อสีเพื่อปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ และอาจเลือกใช้สเปรย์กันแดดที่สามารถฉีดทับเมคอัพได้สำหรับการทาซ้ำระหว่างวัน
- สำหรับผู้ที่ว่ายน้ำหรือเล่นกีฬาทางน้ำ
ควรเลือกครีมกันแดดสูตรกันน้ำที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (reef-safe) และควรทาก่อนลงน้ำอย่างน้อย 15-30 นาที จากนั้นทาซ้ำทุกครั้งหลังเช็ดตัวด้วย
สร้างแบรนด์ครีมกันแดดคุณภาพสูงของคุณเองกับ 999 Laboratories
ที่ 999 Laboratories เราไม่ใช่แค่โรงงานผลิตครีมกันแดดทั่วไป แต่เราคือพาร์ตเนอร์ที่จะช่วยคุณสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นในตลาด เรามุ่งมั่นในการผลิตครีมกันแดดที่ผสมผสานคุณค่าจากธรรมชาติเข้ากับนวัตกรรมล่าสุด เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูง ปลอดภัย และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่
ไม่ว่าคุณจะต้องการสร้างแบรนด์ครีมกันแดดของตัวเอง หรือเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ให้กับแบรนด์ที่มีอยู่ เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและสนับสนุนคุณในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคิดค้นสูตร การออกแบบบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงการผลิตครีมกันแดดในระดับอุตสาหกรรม หากต้องการสร้างแบรนด์ครีมกันแดดของตัวเอง ติดต่อเราได้เลยวันนี้