Skincare ญี่ปุ่น มักใช้สารสกัดจากกากสาเก

เทียบชัด Skincare ญี่ปุ่น vs เกาหลี แบบไหนใช่สำหรับคนไทย ?

หากพูดถึงผลิตภัณฑ์ประทินผิว ชื่อของ Skincare ญี่ปุ่นกับ Skincare เกาหลีมักถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นอันดับแรก ๆ ที่ผู้บริโภคนึกถึงเสมอ เพราะทั้งสองประเทศนี้ขึ้นชื่อเรื่องนวัตกรรมการดูแลผิวที่โดดเด่นและได้รับความนิยมไปทั่วโลก สังเกตได้จากผิวของสาว ๆ ญี่ปุ่นและเกาหลีที่มักจะขาวใสมีออร่าอย่างกับเดินออกมาจากซีรีส์อย่างไรอย่างนั้น แต่สิ่งที่ทำให้สกินแคร์ของสองชาตินี้แตกต่างจากชาติอื่นไม่ใช่เพียงเพราะส่วนผสมอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงแนวคิดและกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนวัฒนธรรมและมุมมองความงามที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงด้วย

สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างแบรนด์สกินแคร์ การเข้าใจจุดเด่นของแต่ละสูตรถือเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้าม ดังนั้น มาเจาะลึกความแตกต่างของ Skincare ญี่ปุ่น vs Skincare เกาหลี พร้อมเรียนรู้แนวทางการเลือกสูตรที่เหมาะสมกับตลาดไทยมากที่สุดกันเลย

จุดเด่นของ Skincare ญี่ปุ่น ความเรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ

Skincare ญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องความเรียบง่ายที่ซ่อนความพิถีพิถันเอาไว้เบื้องหลัง มุ่งเน้นการฟื้นฟูและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิวในระยะยาวมากกว่าการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยมีจุดเด่นดังนี้

ส่วนผสมจากธรรมชาติและการหมักบ่ม

Skincare ญี่ปุ่นมักใช้สารสกัดจากธรรมชาติ เช่น น้ำแร่จากแหล่งธรรมชาติ กากสาเก (Sake Lees) และสารสกัดจากชาเขียว ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยฟื้นฟูผิวอย่างอ่อนโยน

โครงสร้างผลิตภัณฑ์ที่เรียบง่าย

ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับ “Minimal Skincare” โดยใช้ผลิตภัณฑ์จำนวนน้อยแต่มีประสิทธิภาพสูง เช่น การใช้โลชั่นแทนโทนเนอร์และเอสเซนส์ รวมถึงครีมบำรุงที่มีเนื้อสัมผัสบางเบาแต่ให้ความชุ่มชื้นยาวนาน

เน้นเสริมสร้างความแข็งแรงของผิว

แทนที่จะมุ่งเน้นการแก้ปัญหาแบบเร่งด่วน Skincare ญี่ปุ่นจะช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ให้แข็งแรงขึ้น ลดการระคายเคือง และเพิ่มความชุ่มชื้นเพื่อให้ผิวมีสุขภาพดีจากภายใน

ออกแบบผลิตภัณฑ์ภายใต้ปรัชญา “Less is More”

ความเชื่อของคนญี่ปุ่นคือการใช้ส่วนผสมที่จำเป็นเท่านั้น และไม่ใช้สารเคมีที่ไม่จำเป็นต่อผิว เช่น แอลกอฮอล์ พาราเบน หรือสีสังเคราะห์ Skincare ญี่ปุ่นจึงเหมาะกับผิวบอบบางและแพ้ง่าย

 

Skincare เกาหลี มักใช้สารสกัดจากเมือกหอยทาก

 

จุดเด่นของ Skincare เกาหลี นวัตกรรมล้ำสมัยและการบำรุงแบบเข้มข้น

Skincare เกาหลีเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยและการบำรุงแบบเข้มข้นที่สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ ยังมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกสภาพผิวและความต้องการของผู้ใช้ โดยจุดเด่นของ Skincare เกาหลี ประกอบไปด้วย

มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่ตลอด

Skincare เกาหลีมีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น ไฮโดรเจลที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก มาส์กชีตที่สามารถส่งสารอาหารเข้าสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปจนถึงเทคโนโลยีไมโครแคปซูลที่ช่วยให้สารบำรุงซึมซาบเข้าสู่ชั้นผิวได้ดีขึ้น

เน้นการบำรุงหลายชั้น (Layering)

อีกหนึ่งจุดเด่นของ Skincare เกาหลีที่ตรงข้ามกับ Skincare ญี่ปุ่น คือ แนวคิดการบำรุงแบบหลายชั้น โดยเริ่มตั้งแต่โทนเนอร์ เอสเซนส์ เซรั่ม อิมัลชั่น และครีม เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่และแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด

มีการใช้สารสกัดที่แปลกใหม่

สารสกัดที่เป็นเอกลักษณ์ของ Skincare เกาหลี เช่น เมือกหอยทากที่ช่วยฟื้นฟูผิวและลดเลือนริ้วรอย ไนอะซินาไมด์ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส และสารสกัดจากดอกไม้หายากที่ช่วยปลอบประโลมผิว ทำให้ผลิตภัณฑ์มีความแปลกใหม่ น่าสนใจ

เน้นการแก้ปัญหาเฉพาะจุด

Skincare เกาหลีมักออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สามารถแก้ปัญหาเฉพาะจุด เช่น ครีมลดรอยดำ เซรั่มลดริ้วรอย หรือแผ่นมาส์กที่ช่วยฟื้นฟูผิวอย่างเร่งด่วน ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์รวดเร็ว

Skincare ญี่ปุ่น vs Skincare เกาหลี สูตรไหนเหมาะกับผิวคนไทย ?

เนื่องจากสภาพอากาศของประเทศไทยเป็นเมืองร้อนชื้น จึงควรเลือก Skincare ที่เหมาะกับสภาพอากาศและสภาพผิวที่มีแนวโน้มเป็นผิวมันและมีปัญหาสิวง่าย แต่จะเลือกใช้ Skincare ญี่ปุ่นหรือเกาหลีดีนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของผิวแต่ละบุคคล ดังนี้

  • หากต้องการบำรุงผิวให้อ่อนโยนและแข็งแรงขึ้น Skincare ญี่ปุ่นเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือผิวที่ต้องการการบำรุงแบบเห็นผลลัพธ์ระยะยาว โดยเน้นให้ความชุ่มชื้นและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว
  • หากต้องการแก้ปัญหาเฉพาะจุดและเห็นผลเร็ว Skincare เกาหลีเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการการบำรุงแบบเข้มข้นและแก้ไขปัญหาผิวแบบเฉพาะจุด เช่น ผิวหมองคล้ำ ริ้วรอย หรือรูขุมขนกว้าง

หากคุณกำลังมองหาโรงงานรับผลิตเครื่องสำอางและสกินแคร์ที่สามารถพัฒนาสูตรให้เหมาะกับตลาดไทย ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล ทั้ง ASEAN GMP และ ISO 999 Laboratories พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์ให้คุณ เรามีบริการครบวงจรตั้งแต่การพัฒนาสูตร การผลิต ไปจนถึงการให้คำปรึกษาด้านการตลาด เพื่อให้คุณสามารถสร้างแบรนด์ที่โดดเด่นและแข่งขันได้อย่างมั่นใจ อย่าปล่อยให้ไอเดียของคุณเป็นแค่ความฝัน ติดต่อเราวันนี้ โทร. 098-8303049 หรือ Line : @999lab แล้วมาสร้างแบรนด์สกินแคร์ที่ประสบความสำเร็จไปด้วยกัน !

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Japanese vs Korean Skincare – What’s The Difference?. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://www.eyurs.com/blogs/beauty/japanese-vs-korean-skincare-what-s-the-difference?srsltid=AfmBOorpYhNCoLa91_BbD57KFTH9RY_QW4vPghXFQ4zvEkegNALvZAXv.