ผู้ประกอบการธุรกิจสกินแคร์กำลังทดลองผลิตภัณฑ์ล็อตแรกก่อนที่จะออกขายให้ลูกค้า

5 เคล็ดลับสร้างแบรนด์สกินแคร์ไทยให้ปังในตลาดความงาม

ธุรกิจสกินแคร์คือหนึ่งในธุรกิจที่น่าจับตามองและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ตลาดความงามมีมูลค่าสูงถึงหลายหมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้นธุรกิจสกินแคร์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในหลายด้าน

มาดูกันว่าทำไมธุรกิจนี้ถึงน่าสนใจ และควรทำอย่างไร หากคุณต้องการจะเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งในตลาดนี้บ้าง

ทำไมธุรกิจสกินแคร์ถึงน่าสนใจ ?

1. ตลาดเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ในยุคเศรษฐกิจผันผวน

แม้ว่าจะเผชิญกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ผันผวน แต่ตลาดธุรกิจด้านความสวยความงามในประเทศไทยกลับยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจคาดการณ์ว่า ในปี 2567-2568 มูลค่าตลาดสกินแคร์โดยรวมจะขยายตัวถึง 17.4% และ 12.9% ตามลำดับ เนื่องจากผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับการดูแลผิวพรรณมากขึ้น อีกทั้งยังมองว่าการลงทุนกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่า นอกจากนี้ การเติบโตของโซเชียลมีเดียยังช่วยกระตุ้นให้ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของการมีผิวที่ดูสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ตลาดมีการขยายตัวสูงกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤติโควิดอีกด้วย

2. ตลาดเปิดกว้าง พร้อมรับไอเดียใหม่ ๆ เสมอ

ด้วยความหลากหลายของกลุ่มผู้บริโภคและความต้องการที่แตกต่างกัน ทำให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เฉพาะกลุ่มได้ ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์สำหรับผิวแพ้ง่าย ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชาย หรือเครื่องสําอางออร์แกนิค รวมถึงแบรนด์ไทยที่เน้นสารสกัดจากธรรมชาติ ซึ่งแต่ละกลุ่มล้วนมีศักยภาพในการเติบโตทั้งสิ้น

3. เริ่มต้นง่าย ขายได้หลายช่องทาง

ปัจจุบันผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายช่องทาง ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยเฉพาะช่องทางอีคอมเมิร์ซที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้การเริ่มต้นธุรกิจสกินแคร์สามารถทำได้ด้วยต้นทุนที่ไม่สูงมากนัก

5 กลยุทธ์เริ่มต้นธุรกิจสกินแคร์ให้แจ้งเกิดในตลาด

1. เจาะกลุ่มเป้าหมายให้แม่น เลือกจุดยืนให้ชัด

หนึ่งในข้อผิดพลาดที่พบบ่อยของแบรนด์สกินแคร์ไทยหน้าใหม่คือการพยายามขายให้ทุกคน ซึ่งอาจทำให้แบรนด์ขาดเอกลักษณ์และแข่งขันในตลาดได้ยากขึ้น ทางที่ดีคือการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนและสร้างจุดยืนที่แตกต่าง เช่น

  • ผลิตภัณฑ์สำหรับคนเป็นสิว : ใช้ส่วนผสมที่อ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน พร้อมสื่อสารเรื่องราวเกี่ยวกับผิวเป็นสิว
  • สกินแคร์ที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ : เน้นความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อดึงดูดผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ
  • ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแพ้ง่าย : ต้องมีการทดสอบทางผิวหนัง (Dermatologically Tested) และเน้นความปลอดภัยจากสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง

และเมื่อเลือกกลุ่มเป้าหมายได้แล้ว ต่อไปก็ต้องเน้น “การสื่อสารแบรนด์ที่ชัดเจน” ตั้งแต่ชื่อแบรนด์ สโลแกน ไปจนถึงแพคเกจจิ้งและการตลาด เพื่อให้แบรนด์ของคุณเป็นที่จดจำและสร้างฐานลูกค้าที่ภักดีได้ง่ายขึ้น

2. สร้างจุดต่างด้วยนวัตกรรมและส่วนผสม

ในตลาดธุรกิจความงามที่มีการแข่งขันสูง “ความแตกต่าง” คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้แบรนด์ของคุณโดดเด่นและเป็นที่สนใจ ดังนั้นการเลือกใช้นวัตกรรมและส่วนผสมที่เป็นเอกลักษณ์จะสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ได้ เช่น

  • ส่วนผสมที่กำลังมาแรง เช่น สารสกัดจากพืชหายาก หรือสารที่มีงานวิจัยรองรับถึงประสิทธิภาพ เช่น Bakuchiol (ทางเลือกของเรตินอล), Niacinamide, Centella Asiatica
  • นวัตกรรมการนำส่งสารเข้าสู่ผิว เช่น เทคโนโลยี Encapsulation หรือ Liposome ที่ช่วยให้สารออกฤทธิ์ซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น
  • การผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์และธรรมชาติ เช่น ใช้โปรไบโอติก (Probiotic) ในสกินแคร์เพื่อปรับสมดุลจุลินทรีย์บนผิว

กลยุทธ์เหล่านี้ นอกจากจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีจุดขายแล้ว การใช้นวัตกรรมที่แตกต่างยังช่วยสร้าง Storytelling ให้แก่แบรนด์ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงกว่าแบรนด์ทั่วไป

3. ออกแบบแพคเกจจิ้งที่สร้าง Impact

แพคเกจจิ้งเป็นสิ่งแรกที่ลูกค้าเห็น และอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจซื้อหรือไม่ซื้อ ดังนั้น การออกแบบแพคเกจจิ้งจึงต้องสวยงาม ดึงดูด และใช้งานได้จริง โดยควรคำนึงถึงปัจจัยต่อไปนี้

  • ดีไซน์ที่ทันสมัยและเหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น หากเน้นกลุ่มวัยรุ่น ดีไซน์อาจต้องสดใสและมีสีสัน แต่ถ้าเป็นแบรนด์ที่ขายกลุ่มพรีเมียม ดีไซน์ต้องดูเรียบหรู
  • เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ใช้วัสดุที่รีไซเคิลได้ หรือออกแบบให้สามารถเติม (Refill) ได้ เพื่อลดการสร้างขยะ
  • สะดวกต่อการใช้งาน เช่น ขวดแบบปั๊มช่วยลดการปนเปื้อน หรือหลอดบีบที่ควบคุมปริมาณการใช้ได้ง่าย
  • มีฟีเจอร์เพิ่มมูลค่า เช่น QR Code สำหรับตรวจสอบของแท้ หรือบรรจุภัณฑ์แบบสุญญากาศที่ช่วยรักษาคุณภาพของส่วนผสม

โดยการออกแบบแพคเกจจิ้งที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจของแบรนด์ แต่ยังสะท้อนถึงคุณค่าของผลิตภัณฑ์และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า

4. วางกลยุทธ์การขายแบบ Omni-Channel

ยุคนี้การขายผ่านช่องทางเดียวอาจไม่เพียงพอ เพราะการผสมผสานหลายช่องทางเข้าด้วยกันหรือ Omni-Channel จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าได้มากกว่า โดยสามารถทำได้ดังนี้

  • ขายผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Lazada, Shopee, JD Central โดยต้องมี Official Store เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
  • ทำ Social Commerce เช่น Instagram Shopping, TikTok Shop และ Facebook Marketplace เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อได้ทันที
  • จับมือกับร้านค้าปลีกและ Beauty Counter เช่น วางขายที่ Eveandboy, Sephora หรือ Watsons เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองสินค้า
  • จัดกิจกรรมผ่าน Pop-up Store เพื่อสร้างประสบการณ์ตรงให้ลูกค้าได้สัมผัสผลิตภัณฑ์จริง

ทั้งนี้ การเชื่อมโยงช่องทางเหล่านี้เข้าด้วยกัน เช่น ลูกค้าเห็นโฆษณาบน Facebook แล้วไปลองสินค้าที่ร้าน จากนั้นตัดสินใจซื้อผ่าน Lazada จะช่วยให้แบรนด์ของคุณแข็งแกร่งและโดดเด่นในตลาดได้มากขึ้น

5. สร้างคอมมิวนิตีที่แข็งแกร่ง

แทนที่จะใช้เงินจำนวนมากไปกับการโฆษณา แบรนด์ของคุณควรให้ความสำคัญกับการสร้างฐานลูกค้าประจำและกระตุ้นให้เกิดการบอกต่อผ่านคอมมิวนิตีของตัวเอง เช่น

  • เปิด Beauty Community บน Social Media เช่น กลุ่ม Facebook หรือ Line OpenChat เพื่อให้ลูกค้าแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน
  • จัดกิจกรรม Workshop สอนดูแลผิว เช่น เวิร์กช็อปออนไลน์หรือออฟไลน์เกี่ยวกับการเลือกสกินแคร์และเทคนิคการดูแลผิว
  • สร้าง Loyalty Program เช่น ระบบสะสมแต้มแลกของรางวัล หรือสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าประจำ
  • ร่วมมือกับ Micro-influencer ที่มีฐานผู้ติดตามน้อยแต่มี Engagement สูงเพื่อสร้างกระแสแบบปากต่อปาก
  • รวบรวมรีวิวจากผู้ใช้จริง และนำเสนอผ่านเว็บไซต์หรือ Social Media เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ

การสร้างคอมมิวนิตีจะช่วยให้แบรนด์ของคุณไม่ใช่แค่ “ขายสินค้า” แต่เป็นศูนย์กลางของการให้ความรู้และประสบการณ์ด้านการดูแลผิว ซึ่งจะทำให้ลูกค้ารู้สึกผูกพันและภักดีกับแบรนด์ในระยะยาว

แบรนด์สกินแคร์ไทยที่ผู้ประกอบการสั่งผลิตจากโรงงาน OEM

การสร้างแบรนด์และธุรกิจสกินแคร์ให้ประสบความสำเร็จอาจดูเป็นเรื่องท้าทาย แต่หากมีการวางแผนที่ดีและการเลือกพาร์ตเนอร์ที่ใช่ ความสำเร็จก็ไม่ไกลเกินเอื้อม ที่ 999 Laboratories ในฐานะโรงงานผลิตครีมผิวขาวและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวครบวงจร เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลคุณในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การผลิตครีมสูตรที่เป็นเอกลักษณ์ การเลือกบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่น ไปจนถึงการวางแผนกลยุทธ์ที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ด้วยมาตรฐานการผลิตระดับสากลที่ได้รับการรับรองทั้ง ISO 9001, ISO 22716 และ GMP เราพร้อมช่วยให้แบรนด์ของคุณสร้างความแตกต่างและเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดที่มีการแข่งขันสูง สนใจสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 098-8303049 หรือ Line: @999lab